การอ่านนิทานให้ลูกน้อยฟัง นับว่าเป็นการกระตุ้นพัฒนการให้กับเด็ก ๆ ได้ดีไม่น้อย โดยพัฒนาการที่เด็กจะได้รับ จะมีความเกี่ยวข้องกับด้านอารมณ์ ภาษา และด้านสมองต่าง ๆ ในระหว่างที่พ่อแม่กับเล่านิทานให้ฟังนั้น ลูกก็จะได้รับฟัง ได้คิด ได้ติดตามเนื้อเรื่อง ได้จินตนาการ ได้แปลผล ได้สื่อสารกลับ ซึ่งนับเป็นการต่อยอดพัฒนาการของสมองได้เป็นอย่างดี
การอ่านนิทานให้ลูกฟัง ก็มีส่วนช่วยอย่างมากในการให้ลูกได้เรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ ยิ่งเขามีคำศัพท์ในคลังสมองมากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถสื่อสารออกได้ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น และพูดคำที่มีความหมายได้ดีขึ้นนั่นเอง
ในการเลือกว่าจะเอานิทานอะไรมาอ่านให้ลูกฟังดี ข้อพิจารณาอย่างหนึ่งที่คิดว่ามีความสำคัญอย่างมากที่ส่งผลกับลูกน้อยเลยก็คือ การเลือกเนื้อเรื่องที่ดี นั่นเอง การที่ได้อ่านนิทานที่มีเนื้อเรื่องดี จะช่วยพัฒนาในเรื่องของตรรกะ วิธีการคิด และได้เรียนรู้ตัวอย่างที่ดีที่สามารนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ในปัจจุบันนับว่าโชคดีอย่างมากตรงที่มีนิทานมากมายหลากหลายเรื่องราวให้เลือกอ่าน ทำให้เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้หลากหลาย และได้เปิดโลกจินตนาการของตนได้กว้างขวางมากขึ้น
นอกเหนือจากเรื่องการเพิ่มพูนทักษะและเสริมสร้างพัฒนาการในตัวเด็กแล้ว กิจกรรมอ่านนิทานยังช่วยในเรื่องการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกให้แน่นแฟ้นได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ในช่วงที่ลูก ๆ ยังเล็ก และต้องการการดูแลจากพ่อแม่อย่างใส่ใจ กิจกรรมนี้ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกับสมาชิกในครอบคัวได้เป็นอย่างดี
มาถึงตรงนี้แล้ว เราจะมาแนะนำหนังสือนิทานที่น่าสนใจและสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปกัน ว่าแต่จะมีเรื่องอะไรบ้าง เชิญเข้ามารับชมกันได้เลย
1. แมว 11 ตัวกับยักษ์อุฮิอะฮะ
เป็นหนึ่งในนิทานจากชุด “แมว 11 ตัว” ที่ได้รับความนิยมจากสำนักพิมพ์ Amarinbooks และได้รับการถามถึงอย่างต่อเนื่อง ด้วยเรื่องราวความสนุกสนานจากความป่วนของแก๊งแมวเหมียว ที่ครั้งนี้ชวนกันฝ่าฝืนกฎระเบียบจนถูกยักษ์อุฮิอะฮะจับตัวไปทำงานหนัก
โดยสิ่งที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็คือ ความสามัคคี เรียนรู้การทำตามกติกา และเรียนรู้การแก้ปัญหาและการยับยั้งชั่งใจ
โดยเรื่องนี้ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป
2. ลูกโป่งของมาสุเกะ
เป็นเรื่องราวของเจ้าหมีน้อยมาสุเกะที่เจอลูกโป่งแสนสวยแล้วอยากได้เหลือเกิน แต่คว้าไว้ไม่ได้เลยตั้งใจเดินทางไปเอาลูกโป่ง แต่ระหว่างทางเจอคุณลุงหมูอู๊ดแล้วดันรับปากว่าจะช่วยเฝ้ารถเข็นหัวไชเท้าให้ มาสุเกะต้องเลือกว่าจะทำตามสัญญาต่อคุณลุงหมู หรือเดินทางตามหาลูกโป่งที่อยากได้ต่อไป
โดยเรื่องราวของนิทานเล่มนี้จะชวนให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ความสำคัญของความรับผิดชอบและการรักษาสัญญานั่นเอง
เรื่องนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป
3. กูจี กูจี
เป็นเรื่องราวของ กูจี กูจี จระเข้น้อยผู้ได้รับการฟูมฟัก เลี้ยงดู และเรียนรู้ทุกสิ่งจากแม่เป็ด จนมันเชื่อว่าตัวเองเป็นเป็ด แต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น กูจี กูจี เริ่มไม่แน่ใจในความเป็นเป็ดของตัวเอง และไม่แน่ใจว่าพวกเป็ดนั้นคือครอบครัวหรืออาหารของมันกันแน่
กูจี กูจี เป็นนิทานสองภาษา อยู่ในหนังสือชุด “นิทานยอดนิยมที่เด็กไทยควรอ่าน โรงเรียนอนุบาลควรมี” ช่วยเสริมสร้างจินตนาการและการคิดแก้ไขปัญหา
4. วันทัศนศึกษาของหนูกับตุ่น
เป็นเรื่องราวการออกทัศนศึกษาไปหาของอร่อยกับเหล่าหนูน้อยและเหล่าตุ่นน้อยกัน ระหว่างทางทั้งบนดินและใต้ดิน เหล่าหนูน้อยและตุ่นน้อยจะเจออะไรบ้าง และของอร่อยที่พวกเขาหาคืออะไรกันนะ
โดยเล่มนี้จะเหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป โดยในช่วง 4-6 ขวบ ให้พ่อแม่อ่านให้ฟังและชวนอ่านออกเสียง และเมื่อมีอายุ 7 ขวบขึ้นไป จะให้พ่อแม่อ่านให้ฟังหรือให้เด็กอ่านเองได้
เล่มนี้จะช่วยส่งเสริมทักษะ EF ด้านการมุ่งเป้าหมาย การยืดหยุ่นความคิด
5. การเดินทางครั้งแรกของหนูน้อยจิ๊ดจิ
เป็นเรื่องราวของหนูน้อยจิ๊ดจิที่ออกเดินทางไปบ้านคุณยายเพียงลำพัง เมื่อไม่มีแม่ไปด้วยเหมือนเคยหนูน้อยรู้สึกไม่มั่นใจอย่างเคย ในระหว่างทางจิ๊ดจิจะพบกับอะไรบ้าง แล้วจะถึงบ้านคุณยายหรือไม่
ความพิเศษของเล่มนี้เลยก็คือ เด็ก ๆ จะได้สนุก ตื่นเต้นไปกับการเดินทางของหนูน้อยจิ๊ดจิได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยภาพนิทานที่สามารถกางอ่านได้แบบพานอราม่ายาวกว่า 3 เมตร ให้เด็ก ๆ สนุกได้แบบไม่สิ้นสุด
6. ก๊อก ก๊อก ขอค้างคืนหนึ่งนะ
เป็นเรื่องราวที่สนุก ชวนให้ติดตาม มีภาพประกอบที่น่ารักด้วยเทคนิคสีไม้อันนุ่มนวล ให้รายละเอียดมากมาย โดยทุกภาพสามารถบอกเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
สัตว์เล็กๆ ในเรื่องเปรียบเสมือนเด็กๆ ที่ต้องการความอบอุ่นและปลอดภัย โดยมีลุงหมีใจดีเป็นตัวแทนผู้ใหญ่แบ่งปันให้ เด็ก ๆ จะรู้สึกอิ่มใจและมีความสุขเมื่อได้ฟังนิทานเรื่องนี้ และจะมีความสุขมากยิ่งขึ้นหากได้ฟังในอ้อมกอดอันอบอุ่นและปลอดภัยของพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งบางครั้งไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวหนังสือเลย นับว่าเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับทั่งเล่าและอ่านให้เด็กฟัง
7. กรัฟฟาโล่น้อย
“พ่อกรัฟฟาโล่สอนสั่ง ให้ลูกรักฟังคำพ่อให้ดี
อย่าเดินเข้าไปในป่าที่ลึกครึ้มหนา ขอให้เลี่ยงหนี”
แต่ในคืนหนึ่งที่ลมพายุพัดกระหน่ำ ลูกน้อยของกรัฟฟาโล่ไม่ฟังคำเตือนของพ่อ แล้วแอบย่องออกไปท่ามกลางหิมะ เพราะอย่างไรเสีย เจ้าหนูใหญ่ใจร้ายก็ไม่มีจริงอยู่แล้ว…ใช่ไหมล่ะ
และนี่คือจุดเริ่มต้นการเดินทางของ “กรัฟฟาโล่น้อย” นิทานเล่มต่อจาก “กรัฟฟาโล่” ที่ติดอันดับขายดีและเป็นที่รักของเด็กๆ ทั่วโลกตลอดมา
จุดเด่นของนิทานเล่มนี้เลยก็คือ
- ช่วยส่งเสริมให้รู้จักการแก้ปัญหาด้วยปัญญา
- ส่งเสริมความกล้าหาญ
- ส่งเสริมความกล้าเรียนรู้
- พัฒนาทักษะ EF ด้านความจำเพื่อใช้งาน
เล่มนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป
8. บ้านต้นไม้กับคุณเพื่อนบ้าน
บ้านต้นไม้กับคุณเพื่อนบ้าน เรื่องราวของเหล่าสมาชิกในบ้านต้นไม้ 10 ชั้น ที่วันหนึ่งมีเพื่อนบ้านใหม่มา อยู่ใกล้ ๆ ทำให้เหล่าสมาชิกในบ้านต้นไม้ตื่นเต้นดีใจและพากันต้อนรับขับสู้เพื่อนบ้านเป็นอย่างดี
จุดเด่นของนิทานเล่มนี้เลยก็คือ
- ช่วยพัฒนาทักษะทางสังคมในด้านการอยู่ร่วมกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
- สอนให้เข้าใจถึงการพบเจอและลาจาก เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต
- ส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
- สอนให้เข้าใจและยอมรับความแตกต่างของผู้อื่น
โดยเล่มนี้จะเหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป โดยในช่วง 4-6 ขวบ ให้พ่อแม่อ่านให้ฟังและชวนอ่านออกเสียง และเมื่อมีอายุ 7 ขวบขึ้นไป จะให้พ่อแม่อ่านให้ฟังหรือให้เด็กอ่านเองได้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงนิทานจำนวนหนึ่งจากทั้งที่วางขายในร้านหนังสือหรือให้บริการในห้องสมุดนั่นเอง หากใครมีนิทานเด็กที่น่าสนใจเรื่องอื่นที่อยากแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้รับรู้กันด้วย การสามารถแชร์กันได้ที่คอมเมนต์ด้านล่างได้เลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://amarinbooks.com/
https://www.thaipbskids.com/contents/601389b4d14c60b9bbd5ab34