ทุกวันนี้เราอาจจะมีบทความหรือใครหลายๆคนกล่าวว่า การ์ตูนนั้นไม่มีประโยชน์สำหรับเด็กเล็ก สู้ให้เขาออกไปเที่ยวเล่นดีกว่า แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กกับการ์ตูนเป็นของคู่กัน แทนที่จะห้ามเราลองเปิดใจ และเลือกการ์ตูนดีๆที่เหมาะกับเขาจะดีกว่า
เพราะไม่เพียงแต่ความสนุกผ่านทางจอที่จะมอบให้กับเด็กๆ การ์ตูนหลายๆเรื่องในยุคนี้ มีความตั้งใจที่จะให้เป็นสื่อการเรียนการสอน ผ่านความรู้ต่างๆไม่ว่าจะความรู้ทั่วไปหรือเรื่องของอารมณ์ ดังนั้น การ์ตูนดีๆจะส่งผลให้กับเด็กได้มากกว่าการให้เขาเรียนเป็นอย่างเดียว วันนี้ Fun-D จึงของนำเสนอการ์ตูนที่น่าสนใจและสามารถหาดูได้ง่ายจากอินเตอร์เน็ตกัน!
1. ไขปัญหาน่ารู้กับสตอรี่บอตส์ (Ask The StoryBots)
Netflix
พบกับเรื่องแรกของเรา เจ้าของรางวัลเอมมี่ รางวัล Annie และรางวัล Parents’ Choice Award การ์ตูนที่มีเทคนิคการนำเสนอที่ผสมผสานกันทุกอย่างระหว่าง 3D 2D stopmotion บางครั้งใช้คนแสดงด้วย! โดยเรื่องจะนำเด็กๆ ท่องไปในดินแดนแฟนตาซีที่ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก ในขณะเดียวกันก็ค้นหาคำตอบที่ใครๆ ก็อยากรู้อย่าง “ทำไมฟ้าถึงเป็นสีฟ้า” และ “กลางคืนเกิดขึ้นได้อย่างไร
ซึ่งเรื่อง ไขปัญหาน่ารู้กับสตอรี่บอตส์ (Ask The StoryBots) นั้นจะนำเอาความรู้รอบตัวยากๆมาย่อยให้ง่ายขึ้นสำหรับเด็กๆโดยเฉพาะเหมาะสำหรับเด็กๆที่มีความคิดช่างสงสัยในเรื่องต่างๆมากมายรอบตัว ผ่านตัวการ์ตูนที่มีสีสันสดใส น่าสนุกดึงดูดเด็กๆได้เป็นอย่างดี
3-8 ปี
2. PAW Patrol
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านต้องเคยเห็นภาพของเด็กน้อยวัย 10 ขวบพร้อมกับเหล่าลูกสุนัขตัวน้อยอีก 6 ตัวคอยแก้ปัญหาให้กับชาวเมือง แต่ลูกสุนัขเหล่านี้มาพร้อมกับ Gadget ไฮเทคมากมาย รวมไปถึงความสามัคคีและการเรียนรู้การทำงานเป็นทีม! โดยภาพแสนน่ารักสดใสเหมาะกับน้องๆทุกเพศทุกวัย
ซึ่งแกนหลักของเรื่องตามที่ตัวเอกพูดอยู่บ่อยๆก็คือ “No job is too big, no pup is too small!” ทุกปัญหาไม่มีใหญ่เกินตัว!! นั่นเป็นแกนหลักที่ให้เด็กๆได้ปลูกฝังว่า เราสามารถผ่านปัญหาทุกปัญหาไปได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม
6 ปี และต่ำลงไป
3. Peppa Pig
เด็กหญิงหมูตัวน้อย ในโลกใบเล็กๆของเธอกับงานภาพที่แสนน่ารักเข้าใจง่ายและเรื่องราวประจำวันที่ดูเล็กน้อยแต่แฝงด้วยข้อคิดดีๆ อย่างการใช้ชีวิตในโรงเรียน เรื่องของการเข้าแถว หรือแม้กระทั่งเรื่องราวกระทบกระทั่งกันของเด็กๆ ที่นอกจากให้เด็กๆได้เพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้แล้ว แต่ก็ยังสามารถสะท้อนความเป็นเด็กให้คุณพ่อคุณแม่ได้คิดกันอีกด้วย
Peppa Pig นั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากถึงกับมีของเล่นเสริมพัฒนาการ ของใช้ รวมถึงสวนสนุกกันเลยทีเดียว นั่นเพราะจากงานภาพที่ดึงดูดเด็กๆด้วยสไตล์ภาพวาดง่ายๆ แต่เนื้อหาที่น่าสนุกใช้คำพูดคำจาที่ไพเราะฟังเพลิน จึงทำให้ Peppa Pig กลายเป็นขวัญใจในระดับสากลเลย!
3 ปีขึ้นไป
4. Shaun the Sheep
พบกับอนิเมชั่นอีกรูปแบบนึงนอกเหนือจากภาพวาดหรือภาพ 3D นี่คืองานที่เกิดจากStopMotion (ถ่ายภาพนิ่งหลาย ๆ ภาพ แล้วนำไปต่อกัน ให้เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหว ) ตัวละครแต่ละตัวถูกสร้างขึ้นโดยใช้ดินน้ำมัน ซึ่งเรื่องราวในซีรีส์นี้เป็นภาคแยกออกมาจาก วอลเลซแอนด์กรอมมิท อีกทีนึง
Shaun the Sheep เป็นเรื่องราวของ “ฌอน” แกะที่ฉลาดตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่กับฝูงแกะในฟาร์มมอสซี่บอร์น ฟาร์มขนาดเล็กทางตอนเหนือของอังกฤษ ในแต่ละตอนเขาพยายามในการเพิ่มความตื่นเต้น และความสนุกสนานให้กับชีวิตที่น่าเบื่อของเขา และด้วยเสนห์ของงานภาพ Stopmotion นั้นจะต้องผูกความสนุกให้กับเด็กๆได้อย่างแน่นอน
4 ปีขึ้นไป
5. SpongeBob Squarepants
ฟองน้ำสีเหลืองหน้าตาแสนทะเล้น “Spongebob Squarepants” คือชื่อของเขา ซึ่งมีเพื่อนบ้านเป็นปลาหมึก สควิดวอร์ด (Squidward) และเพื่อนสนิทของเจ้าฟองน้ำ เป็นปลาดาว แพ็ททริก (Patrick Star) พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองใต้น้ำแห่ง “Bikini Bottom” เมืองที่มีความเจริญใต้ทะเลที่เหมือนกันกับเมืองของบ้านเรา
และด้วยชื่อเสียงที่มีมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงรางวัลการันตีต่างๆนั้น สามารถพูดได้ว่านี่เป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่สนุก ดูแล้วเพลิดเพลินมาก แม้ว่าเรื่องราวนั้นจะออกทางซิทคอม ตลก และเสียดสีสังคมนิดหน่อย จึงแนะนำให้เป็นเด็กที่มีอายุมากขึ้นหรือเราคอยดูเพื่ออธิบายกับเขาด้วยจะเป็นความสนุกในครอบครัวที่ดีที่สุด!
6 ปีขึ้นไป
6. Dora the Explorer
ภาพจาก
“แบ๊คแพ็ค!!” จะเป็นอย่างไรถ้าการเรียนรู้แบบปฏิสัมพันธ์สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านทางทีวี Dora the Explore จึงได้เกิดขึ้นมาด้วยความตั้งใจนั้น นี่คือซีรีส์การ์ตูนที่ตั้งใจให้เป็นสื่อการเรียนรู้กับเด็กควบคู่ไปคับความสนุก โดยเจาะกลุ่มเด็กก่อนวัยเรียนเป็นหลัก เนื้อหาในเรื่องจึงจะเป็นการ ให้เด็กๆลองพูด ลองฟัง ลองทำตามเป็นหลัก อย่าง ลองกระโดดขึ้นสิ! มานับกล้วยในกระเป๋ากัน
แม้เรื่องราวถ้าเรามองในมุมผู้ใหญ่อาจจะเป็นการ์ตูนที่ดูตลกๆแปลกๆ แต่ว่า เด็กนั้นมีกระบวนการศึกษาแตกต่างจากผู้ใหญ่ พวกเขาไม่คิดว่าการมอง นับ หรือแสดงความคิดเห็นเป็นงาน แต่สำหรับเด็กมันคือความสนุก ซึ่งนั้นทำให้เขาเกิดการเรียนรู้ระหว่างการเล่นไปด้วย
3-4 ปี
ถึงแม้การดูการ์ตูนที่แนะนำจะช่วยให้เด็กสามารถฝึกการพูดและการฟัง รวมถึงภาษา ได้ข้อคิดดีๆ แต่ก็ต้องจำกัดเวลาในการดูด้วย เพราะถ้าดูมากๆ อาจจะทำให้เค้าติด และเป็นโรคสมาธิสั้นได้ อย่างลูกน้อยไม่ถึง 2 ขวบ ไม่ควรดูทีวีเลย 2-4 ขวบไม่ควรดูเกินวันละครึ่งชั่วโมง ส่วน 4 ขวบขึ้นไปไม่ควรดูทีวีนานเกินวันละ 1 ชม.และคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยนะ!